สุดยอดสถานที่ท่องเที่ยวในมาเก๊า MACAU
เที่ยวมาเก๊า หลายๆ คนอาจจะนึกถึงแค่คาสิโน แต่ขอบอกเลยค่ะที่มาเก๊ามีอะไรมากกว่านั้นเยอะมากกก ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเพื่อการพักผ่อนสบายๆ ที่เที่ยวแบบหรูหราหมาเห่า การเอนเตอร์เทนต่างๆ หรือสายทำบุญไหว้พระ ที่นี่ครบครันจ้า อีกทั้งยังเป็นเมืองที่มีความผสมผสานระหว่างจีนกับยุโรปได้อย่างลงตัว ถ้าได้อ่านบทความนี้แล้ว ทุกคนจะมองมาเก๊าเปลี่ยนไป!
มาเที่ยวมาเก๊า แต่ได้ฟีลลิ่งแบบยุโรปเฉยเลยยย *0* เพราะเราพาทุกคนมาที่โบสถ์เซนต์ปอลจ้า ได้ชื่อว่ามนต์เสน่ห์ยุโรปแห่งเอเชีย เป็นเหมือนสัญลักษณ์ของมาเก๊า คือเรียกได้ว่าถ้าไม่เห็นด้วยตาตัวเองก็เหมือนมาไม่ถึงกันเลยทีเดียวว โบสถ์แห่งนี้ถูกสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1580 ถือว่าเป็นโบสถ์คาทอลิกที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในสมัยนั้นเลยนะคะ และยังมีมหาวิทยาลัยสำหรับสอนศาสนาแห่งแรกในดินแดนตะวันออก แต่ต่อมาได้เกิดเพลิงไหม้ครั้งใหญ่ถึง 3 ครั้ง ทั้งโบสถ์และมหาวิทยาลัยก็พังทลาย จึงต้องบูรณะซ่อมแซมใหม่ ปัจจุบันหลงเหลืออยู่แค่ซากด้านหน้าของประตูโบสถ์ โดยเราจะต้องเดินขึ้นบันไดอันลาดชันนี้ไปที่โบสถ์ มองขึ้นไปก็จะเห็นซากประตูโบสถ์อันสวยงามตั้งเด่นตระหง่านอยู่ด้านบนค่ะ
โดยลักษณะของประตูโบสถ์นี้เป็นรูปแบบตะวันตก มีเสาโรมันและรูปปั้นนักบุญต่างๆ ของศาสนาคริสต์ มีรูปปั้นพระแม่มารีย์ รูปปั้นพระเยซู และไม้กางเขนอยู่ชั้นบนสุดค่ะ สัมผัสได้ถึงเสน่ห์ของความเป็นยุโรป สวยงามจนไม่แปลกใจเลยค่ะว่าทำไมจึงกลายมาเป็นแลนด์มาร์คแห่งใหม่ที่สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาเยือนได้ไม่น้อย.. อ้ออ! และที่นี่ยังเป็น 1 ใน 22 สถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ของมาเก๊า ที่ได้รับการยกย่องให้เป็นมรดกโลกจากองค์กร UNESCO ด้วยนะค้า
และถ้าเราเดินผ่านประตูโบสถ์ไปที่ด้านหลัง ก็จะพบกับพิพิธภัณฑ์ทางศาสนา เพื่อจัดแสดงภาพวาด ภาพเขียน และอุปกรณ์ที่ใช้ในการประกอบพิธีกรรมต่างๆ ทางศาสนา มีหลุมฝังศพของบาทหลวงวาลิควาโน ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งโบสถ์เซนต์ปอลแห่งนี้ รวมถึงโครงกระดูกของชาวคริสต์ญี่ปุ่นและเวียดนามที่เสียชีวิตในตอนที่เกิดเพลิงไหม้ครั้งใหญ่ด้วยค่ะ เข้าชมพิพิธภัณฑ์ฟรี เวลาเปิด-ปิด คือ 9 โมงเช้า – 6 โมงเย็น ยกเว้นวันอังคารนะจ๊ะ
จากนั้นแวะไปถ่ายรูปที่ตรอกคู่รักหรือตรอกทราแวซซา ดา ปายเชา (Travessa da Paixão) ที่มีความหมายตามภาษาโปรตุเกสแปลว่าความรัก ให้เราเดินตามป้าย Ruins of St. Paul’s ไปเรื่อยๆ ก่อนเดินขึ้นบันไดโบสถ์ให้เดินไปทางซอยด้านขวามือ ตรงไปประมาณ 70 เมตร ทางเข้าตรอกจะอยู่ทางขวามือ เป็นตรอกเล็กๆ สีสันสดใสหวานแหวว ด้านหนึ่งเป็นสีชมพู อีกด้านหนึ่งเป็นสีเหลือง ทำให้มีคู่รักนิยมมาถ่ายรูปพรีเวดดิ้งบริเวณนี้กันค่า
เซนาโด สแควร์ จตุรัสใจกลางเมืองมาเก๊า เป็นย่านฮอตฮิตและฮิตฮอต ที่รายล้อมไปด้วยตึกรามบ้านช่องและสถาปัตยกรรมสไตล์โปรตุเกสผสมผสานกับวัฒนธรรมจีน แตกต่างแต่ลงตัวฝุดๆ ที่ย่านนี้เค้ามีกฎไม่ให้ร้านต่างๆ ตกแต่งหรือต่อเติมอาคารได้เองตามใจชอบนะคะ ถ้าอยากปรับเปลี่ยนซ่อมแซมอะไรต้องแจ้งเจ้าหน้าที่รัฐฯ ก่อน จึงทำให้ตึกต่างๆ ยังอยู่คงสภาพแบบสไตล์ดั้งเดิมอยู่นั่นเอง โดยมีพื้นที่ทั้งหมด 3,700 ตารางเมตร เป็น 1 ใน 4 จัตุรัสที่ใหญ่เป็นอันดับต้นๆ ของมาเก๊า และในปี 2005 ยังถูกขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจาก UNESCO ด้วยนะจ๊ะ บอกเลยว่าไม่ธรรมดา อ่ะฮ้า ไม่ธรรมดาา
ทางเดินต่างๆ ตกแต่งด้วยกระเบื้องและหินโมเสคหลากสีเป็นลายคล้ายคลื่นทะเล เป็นทางเดินคดเคี้ยว เลี้ยวไปตามทางที่จะไปยังจุดท่องเที่ยวต่างๆ เช่น ประตูโบสถ์เซนต์ปอล ป้อมปืนใหญ่มองเต พิพิธภัณฑ์มาเก๊า เป็นต้น
ใครสายช้อปปิ้งนี่ต้องยกใจให้ที่เซนาโด สแควร์ แห่งนี้แน่นอนเลยค่ะ เพราะมีทั้งร้านค้าแบรนด์เนม เสื้อผ้าแฟชั่น เครื่องสำอาง ร้านอาหารชื่อดัง และขนมอร่อยๆ เปิดกันอยู่เต็มทั้งสองข้างทาง เรียกได้ว่าทุกแบรนด์ยกกันมาไว้ที่นี่หมดค่า แถมลดราคากันตลอดทั้งปี!! หึหึหึ เห็นคำว่า SALE ตัวโตๆ แล้วจิตใจก็จะไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเท่าไหร่ >”< เป็นย่านที่คึกคักตลอดทั้งวัน ร้านค้าส่วนมากจะเปิดกันประมาณ 10 โมง ไปจนถึง 3 ทุ่มค่ะ
ตรงกลางจัตุรัสจะมีลานน้ำพุ เป็นจุดที่ผู้คนจะมาแวะพักและถ่ายรูปกัน กลางสระมีลูกโลกโลหะตั้งอยู่ ซึ่งมีความหมายว่าอารยธรรมของตะวันตกและตะวันออกสามารถหล่อหลอมรวมกันได้อย่างลงตัวนั่นเอง และบางช่วงยังใช้เป็นสถานที่จัดการแสดงและกิจกรรมต่างๆ รวมไปถึงงานเฉลิมฉลอง ในเทศกาลสำคัญๆ ของเมืองอีกด้วยค่ะ
เวเนเชี่ยน ศูนย์รวมความบันเทิงแบบครบวงจรที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในมาเก๊า!!! รวมทั้งยังเป็นอาคารที่มีพื้นที่ใช้สอยขนาดใหญ่ที่สุดในเอเชียด้วยจ้า *0* เปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 28 สิงหาคม ค.ศ. 2007 ที่นี่มีทั้งโซนคาสิโนที่ใหญ่ที่สุดในโลก! โซนโรงแรมหรู 5 ดาวขนาดใหญ่ที่สุดในเอเชีย! มีความกว้างถึง 980,000 ตารางเมตร สูง 40 ชั้น มีห้องพักถึง 3,000 ห้อง และโซนห้างสรรพสินค้าชื่อดังของโลก! ซึ่งแต่ละโซนจะแยกส่วนกันชัดเจนแต่จะมีทางเดินเชื่อมถึงกันได้ค่ะ
โซนที่นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ชื่นชอบก็คือการมาเดินช้อปปิ้งที่โซนห้างสรรพสินค้าค่ะ ชื่อว่า Grand Canal Shoppes เป็นแหล่งช้อปปิ้งที่หรูหราที่สุดในมาเก๊า ร้านค้าต่างๆ ภายในห้างค่อนข้างหลากหลาย มีทุกอย่างครบครัน จนนึกว่าเดินเล่นอยู่ในกระเป๋าโดเรม่อน 5555 มีสินค้าปลอดภาษีกว่า 850 ร้าน ร้านค้าแบรนด์เนมกว่า 40 แบรนด์ และทุกร้านก็จะมีโปรโมชั่นกันตลอดทั้งปีแบบจุกๆ ไปเลยจ้า
โซนนี้ถูกออกแบบและตกแต่งให้เหมือนกับสไตล์เมืองเวนิส ประเทศอิตาลี มีคลองไหลผ่านกลางทางเดิน ซึ่งจะมีบริการเรือพายกอนโดล่า (Gondola) พาเราไปนั่งวนไปรอบๆ พร้อมพูดคุย ร้องเพลงไปด้วยกัน หูยยย ชิลกว่านี้มีอีกม้ายยยย ส่วนบนเพดานจะทาสีและให้แสงเหมือนกับเป็นท้องฟ้าจริงๆ ซึ่งสร้างออกมาได้สวยงาม เหมือนได้อยู่ที่เวนิสจริงๆ เลยค่า สามารถมาเที่ยวชมเวเนเชี่ยนได้ทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง แต่ในส่วนของร้านค้าและภัตตาคารต่างๆ จะเปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 10.00 น. – 22.00 น. นะคะ
เที่ยววัดอาม่า แค่ชื่อก็รู้แล้วค่ะว่าอยู่มายาวนานนน อิอิ สร้างขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ. 1488 ก่อนที่จะมีเมืองมาเก๊าอีกนะคะเนี่ย จึงกลายเป็นวัดที่เก่าแก่และสำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของเมือง เป็นสัญลักษณ์แห่งตัวแทนของวัฒนธรรมจีน สร้างขึ้นมาจากแรงบันดาลใจทั้งทางพุทธศาสนา ลัทธิขงจื้อ ลัทธิเต๋า และความเชื่อพื้นบ้านต่างๆ ทำให้วัดอาม่าเป็นที่เคารพศรัทธาของผู้คนมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน และยังถือเป็น 1 ใน 22 สถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ของมาเก๊า ที่ได้รับการยกย่องให้เป็นมรดกโลกจาก UNESCO ในปี ค.ศ. 2005 อีกด้วยค่ะ
ตัววัดตั้งอยู่บริเวณเขาบาร์รา สร้างขึ้นเพื่ออุทิศถวายให้กับอาม่า เทพธิดาแห่งท้องทะเล เชื่อกันว่า ชื่อของมาเก๊ามาจากตำนานของหญิงสาวชาวฟูเจียนชื่อหลิงม่า ที่อยากจะข้ามฝั่งมายังคาบสมุทรเอ้าเหมิน จึงขอโดยสารมากับเรือเล็กๆ ของชาวประมง แต่พอเรือมาถึงกลางทะเลก็เกิดพายุใหญ่ทำให้เรือหลายลำล่ม แต่เรือของหลิงม่านั้นมาถึงฝั่งได้อย่างปาฏิหาริย์ เมื่อเธอก้าวเท้าเหยียบฝั่ง ตัวเธอก็ลอยขึ้นและหายลับไปบนฟ้า ชาวประมงทั้งหลายก็เลยเชื่อว่าเธอคือเทพธิดาแห่งท้องทะเล เลยเรียกดินแดนตรงนี้ว่า A-Ma Goa (อาม่าก๊อก) แปลว่า อ่าวของอาม่า นานๆ ไปจึงเพี้ยนมาเป็นชื่อมาเก๊านั่นเองค่า
ปัจจุบันอาม่าจึงเป็นเทพธิดาที่ชาวประมงชาวจีนนับถือและเคารพกันอย่างมาก เพราะเป็นเทพที่คุ้มครองภัยอันตรายในการเดินทาง คลาดแคล้วจากอุบัติเหตุ ใครที่ทำธุรกิจการค้าด้านการขนส่งควรมาสักการะเพื่อขอให้การเดินทางราบรื่น ปลอดภัย ไม่มีอุปสรรคใดๆ ขวางกั้นค่ะ
สถาปัตยกรรมภายในเป็นสไตล์จีนโบราณ ประกอบไปด้วยวิหารต่างๆ ได้แก่ ซุ้มประตูแห่งการรำลึก หอสวดมนต์ หอแห่งความเมตตา ศาลาทางพุทธศาสนา ซึ่งมีชื่อเรียกว่า ศาลาเซิ้งเจ้าชานลิน และหอเจ้าแม่กวนอิม ในหอมีก้อนหินขนาดใหญ่ ซึ่งแกะสลักเป็นรูปเรือสำเภาโบราณ เพื่อเป็นสัญลักษณ์ว่า นี่คือจุดที่อาม่าก้าวเท้าขึ้นสู่แผ่นดินมาเก๊าค่ะ และเชื่อกันว่าถ้านำเงินลูบไปตามรูปสลักเรือสำเภาบนก้อนหินนี้และนำกลับใส่กระเป๋าไป จะนำโชคลาภมาให้ รวยๆ เฮงๆ จ้า อ่ะว่าแล้วก็ลูบบบบวนไปค่าา >,<
มาชมวิวของเมืองมาเก๊ากันแบบเต็มๆ ตากันที่หอคอยมาเก๊ากันค่าา เป็นหอคอยที่มีความสูงอันดับที่ 8 ของเอเชียและลำดับที่ 10 ของโลก! วัดจากพื้นจนถึงจุดสูงสุดอยู่ที่ 338 เมตรแน่ะ เปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 19 ธันวาคม ค.ศ. 2001 ออกแบบโดย Gordon Moller ที่สร้างสรรค์รูปแบบทางสถาปัตยกรรมที่สวยงามนี้จนเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของมาเก๊า ภายในเป็นศูนย์รวมแหล่งช็อปปิ้งความบันเทิง มีทั้งร้านค้าชื่อดังมากมาย ห้องจัดประชุมสัมมนา ภัตตาคาร โรงภาพยนตร์ โรงละคร เป็นต้น
และไฮไลท์ของหอคอยแห่งนี้ก็คือ จุดชมวิว Observation Deck ที่อยู่บนชั้น 58 ค่ะ มีความสูง 223 เมตร เราขึ้นมาโดยลิฟท์กระจกใสความเร็วสูง ระหว่างขึ้นก็ได้ชมวิวไปพลางๆ ก่อน แบบเรียกน้ำย่อย อิอิ พอขึ้นมาถึง ก็สามารถมองเห็นวิวรอบๆ ได้แบบพาโนราม่า 360 องศา จุดเด่นอยู่ตรงที่มีแผ่นกระจกใส ที่มองทะลุพื้นลงไปยังพื้นดินด้านนอกได้.. แค่นี้ใจก็หวิวๆ ตึกตักๆ เหมือนได้เจอรักครั้งแรกแล้วค่าา อร้ายยย
ใครยังเสียวไส้ไม่พอ แนะนำนี่เลยจ้า กิจกรรมท้าความสูงบนชั้น 61 (Outdoor Adventure View Deck) ไม่ว่าจะเป็น Skywalk เป็นการผูกสายเคเบิ้ลติดกับตัวแล้วออกไปเดินที่ทางเดินกระจกรอบนอกหอคอย บนความสูง 216 เมตร พร้อมโพสท่าถ่ายรูปสุดเสียว และการกระโดดบันจีจัมพ์ ซึ่งเป็นจุดกระโดดที่สูงที่สุดในโลก!! คือ 223 เมตร บอกได้เลยว่า ขะขะขะขาสั่นนน ปิดท้ายด้วย Tower Climb ที่จะให้เราปีนขึ้นไปจนถึงจุดสูงสุดของหอคอย ที่ความสูง 338 เมตร! ด้วยตัวเอง เป็นกิจกรรมที่ต้องใช้ใจและพลังงานมากที่สุด ใช้เวลาในการปีนขึ้นและลงประมาณ 3 ชั่วโมง ใครฟิตๆ ไปก่อนเลยจ้า ส่วนเราขอยืนให้กำลังใจอยู่ตรงนี้~~
สามารถมาเที่ยวชมหอคอยมาเก๊าได้ทุกวัน สำหรับวันจันทร์ – ศุกร์ เวลา 10.00 น. – 21.00 น. และวันเสาร์ – อาทิตย์ เวลา 9.00 น. – 21.00 น. ค่า
สายซิ่ง สายแง๊นนน สายที่รักในความเร็ว ห้ามพลาดเลยค่า กับพิพิธภัณฑ์รถแข่งกรังปรีซ์ เปิดขึ้นครั้งแรกในปี ค.ศ. 1993 ภายในพิพิธภัณฑ์นั้นมีการรวบรวมเอารถแข่งรุ่นต่างๆ ที่ใช้ในการแข่งขันจริง ตั้งแต่อดีตย้อนไปหลายสิบปีจนถึงปัจจุบันมาจัดแสดงให้ได้ชมกัน แต่ละคันก็จ๊าบๆ ทั้งนั้นค่า ซึ่งเราจะได้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงของรถแข่งในแต่ละช่วงเวลา ว่ามีการพัฒนาระบบต่างๆ ขึ้นอย่างไรบ้าง เจ๋งสุดๆ!
รถที่เป็นไฮไลท์ของที่นี่ก็คือ Formula 1 ชื่อนี้คงคุ้นหูคุ้นตากันมาบ้างแล้วใช่ม้าา เป็นเหมือนรถในตำนานที่เมื่อถึงรถแข่งก็จะต้องนึกถึงรถรุ่นนี้ นอกจากรถแข่งแล้วก็ยังมีทั้งรูปภาพ วิดีโอ ถ้วยรางวัล และของสะสมต่างๆ เกี่ยวกับงานกรังปรีซ์ ที่ได้นำมารวบรวมเอาไว้ที่พิพิธภัณฑ์แห่งนี้แบบจุใจไปเลยค่า
และในเดือนพฤศจิกายนของทุกปี ท้องถนนแถวๆ พิพิธภัณฑ์จะกลายเป็นสนามแข่งรถกรังปรีซ์ เนื่องจากมาเก๊าเป็นผู้จัดการแข่งขันมายาวนานกว่า 60 ปีแล้วววค่า ทุกวันนี้การแข่งขันรถกรังปรีซ์เป็นงานกีฬานานาชาติที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวและผู้สนใจการแข่งรถให้เดินทางมาเก๊าได้มากมาย งานนี้ได้ทั้งความรู้ ความมันส์ ตื่นเต้น เร้าใจ และยังได้พบกับนักแข่งชื่อดังหลายคนที่มาเข้าร่วมการแข่งขันนี้ด้วยนะคะ
แวะมากราบไหว้รูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมสีทองขนาดใหญ่ ที่ตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่ริมทะเล มีความสูงกว่า 20 เมตร! แม่เจ้าา สร้างด้วยทองสัมฤทธิ์ทั้งองค์ ตั้งอยู่บนฐานดอกบัว 16 กลีบ ใต้ฐานดอกบัวแบ่งออกเป็น 2 ชั้น ชั้นที่ 1 คือห้องสำหรับประชุมหรือจัดเลี้ยงและเคาน์เตอร์ของที่ระลึก ชั้นที่ 2 เป็นห้องนั่งสมาธิและห้องสมุดเล็กๆ ที่ได้รวบรวมคำสอนต่างจากพุทธศาสนาเอาไว้ รวมถึงบริการอินเตอร์เน็ตและอุปกรณ์สื่อมีเดียสำหรับเสริมความรู้ต่างๆ อีกมากมาย
ซึ่งทางการโปรตุเกสได้สร้างรูปปั้นแห่งนี้ขึ้นเพื่อเป็นของขวัญที่ส่งมอบแผ่นดินมาเก๊าคืนให้กับจีนค่ะ เป็นการผสมผสานระหว่างงานปั้นของพระแม่มารี ที่ถ่ายทอดออกมาเป็นพระพักตร์ของเจ้าแม่กวนอิม แต่ชุดยังเป็นแบบจีนโบราณดั้งเดิม ออกมาได้สวยงามอ้อนช้อยมากๆ ค่า โดยได้รับการสนับสนุนการสร้างจากยูเนสโกเพื่อเป็นหลักฐานแห่งวัฒนธรรมระหว่างตะวันออกและตะวันตกอีกด้วย
ตำแหน่งของรูปปั้นได้รับการวางฮวงจุ้ยจากซินแสชื่อดังของมาเก๊า โดยหันหลังให้ทะเลและหันหน้าเข้าในเมือง สื่อถึงว่าเจ้าแม่กวนอิมจะดูแลรักษาเมืองไว้นั่นเองค่ะ ว่ากันว่าเป็นรูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมเพียงแห่งเดียวในโลกที่ไม่ได้หันหน้าออกทะเลอีกด้วยนะคะ
ระหว่างทางเดินที่จะไปยังองค์เจ้าแม่ ก็จะมีรูปลักษณ์ทางฮวงจุ้ยหลายอย่างอยู่ที่พื้น ไม่ว่าจะเป็น infinity หรือเลข 8 รูปดวงตาสวรรค์ หรือจุดศูนย์รวมพลังต่างๆ เราสามารถอธิษฐานขอพรโดยเน้นรับพลังจากจุดต่างๆ ได้ จะทำให้มีโชคดี ร่ำรวยเจริญรุ่งเรืองแบบไม่มีที่สิ้นสุด และจากจุดตรงนี้จะมองเห็นวิวตึกสูง เรียงรายกันลากยาวไปจนสุดถนน แอบสวยอยู่นะ เป็นอีกชุดเช็คอินที่ได้ทั้งรูป ได้ทั้งบุญ ไม่แวะมาไม่ได้แล้วววว
โบสถ์เซนต์ดอมินิก โบสถ์สีเหลืองอันเก่าแก่ อายุกว่า 433 ปี ตั้งอยู่กลางย่านเซนาโด สแควร์ สีน่ารักมากก เป็นสีเหลืองพาสเทลตัดลวดลายด้วยสีขาว และแต่งเติมสีสันด้วยประตูหน้าต่างบานใหญ่สีเขียวน้ำทะเล เดินมาคือสะดุดตาแน่นอน
สร้างขึ้นมาตั้งแต่ปี ค.ศ.1587 โดยบาทหลวงชาวสเปนทั้ง 3 องค์ ที่เดินทางเผยแพร่ศาสนามาจากเม็กซิโก เป็นสถาปัตยกรรมแบบบาโรกในยุคศตวรรษที่ 17 มีการผสมผสานระหว่างสไตล์โปรตุเกส สเปน และสถาปัตยกรรมท้องถิ่นของชาวมาเก๊า ที่เรียกว่า มาคาเนซี่ (Macanese) เป็นกระเบื้องหลังคาสไตล์จีน ประตูทำจากไม้สัก รูปปั้นของพระแม่มารีและพระบุตรที่ถูกขนาบด้วยรูปปั้นของเหล่านักบุญ ซึ่งแกะสลักด้วยไม้และงาช้าง ออกมาได้แบบสวยงามอลังการทั้งภายนอก ภายใน เป็นโบสถ์ที่ได้รับยกย่องว่ามีศิลปกรรมทางศาสนาที่งดงามที่สุดและมีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ จนทำให้โบสถ์แห่งนี้เป็นหนึ่งใน 29 แห่งมรดกโลกทางวัฒนธรรมของมาเก๊า ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกขององค์กรยูเนสโก เมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม ค.ศ. 2005 และยังเคยใช้เป็นสถานที่ตีพิมพ์หนังสือพิมพ์ภาษาโปรตุเกสฉบับแรกบนแผ่นดินจีนอีกด้วยค่า
โบสถ์แห่งนี้ยังมีพิพิธภัณฑ์ (The Treasure of Sacred Art Museum) ตั้งอยู่ภายในหอระฆัง ซึ่งเป็นสถานที่จัดแสดงโบราณวัตถุและงานศิลปะทางศาสนาคริสต์ตั้งแต่ปีศตวรรษที่ 17 ถึงศตวรรษที่ 19 ทั้งวัตถุที่ทำด้วยทองคำ รูปปั้น เครื่องประดับ และภาพวาดจำนวนกว่า 300 รายการ มาจัดแสดงไว้ให้ได้ชมกันแบบฟรีๆ
และในทุกๆ วันที่ 13 พฤษภาคมของทุกปี ที่โบสถ์แห่งนี้จะมีการจัดงานเลดี้ฟาติมา (Fatima’s statue) เพื่อเฉลิมฉลองเทศกาลสำคัญและทำพิธีให้กับองค์พระแม่ฟาติมา ผู้หญิงชาวคาทอลิกจะแต่งตัวด้วยชุดโทนสีขาว เดินแบกรูปปั้นของแม่พระฟาติมา จากโบสถ์เซนต์ดอมินิก ไปยังโบสถ์แม่พระเพนญ่า งานนี้คือคนเยอะมากกก มีทั้งนักท่องเที่ยวและชาวคาทอลิกที่ศรัทธาต่อพระแม่มารีย์ ใครมีโอกาสได้มาเที่ยวช่วงนี้ลองแวะมาสัมผัสประสบการณ์ดีๆ แบบนี้ได้นะค้า
เครดิตรูปภาพจาก : http://www.thatsmags.com/shenzhen/post/23147/what-s-on-in-macau-may-2018, https://www.macaufanclub.com
‘หมีแพนด้าเขาว่าน่ารัก ผมนี้ชัก ชักอยากจะเห็น อยากสัมผัสหมีตัวเป็นๆ อยากจะเห็น เห็นหมีแพนด้า~~’ อ่ะ หญิงปุ๊กจัดให้จ้าาา มาที่สวนแห่งนี้เล้ยย เราจะไม่ได้เห็นแค่แพนด้าธรรมดาๆ นะคะ แต่เป็นแพนด้ายักษ์!! ที่นี่เป็นสวนสัตว์ย่อมๆ ตั้งอยู่ในสวน Seac Pai Van Park บริเวณเชิงเขาในเกาะโคโลอานค่ะ มีโซนการจัดแสดงสัตว์ที่หาชมยากหลายชนิดตามธรรมชาติ เช่น กอริลล่า นกฟลามิงโก้ และไฮไลท์คือเจ้าแพนด้ายักษ์ สัตว์ประจำถิ่นของจีนนั่นเองง
โซนจัดแสดงแพนด้ายักษ์ที่มีชื่อว่าไคไคกับซินซิน มีพื้นที่ประมาณ 3,000 ตารางเมตร คล้ายสวนสัตว์ขนาดเล็ก มีการจัดสภาพแวดล้อมให้เหมือนกับอยู่ในป่าจริงๆ มีทั้งพื้นที่ในร่มและกลางแจ้ง ออกแบบให้อยู่กันอย่างสะดวกสบายและเหมาะกับนิสัยของแพนด้า เช่น พุ่มไม้ ร่มไม้ ก้อนหิน ชานพัก ถ้ำ รวมถึงการติดตั้งหลังคาแบบโปร่งแสง เพื่อให้แพนด้ารู้สึกเหมือนได้อยู่ในบรรยากาศจริงของป่า และถ้าจะถ่ายรูปต้องงดใช้แฟลชนะคะ ถ้าใครรบกวนแพนด้าก็จะมีพี่รปภ.มาเตือนค่า
นอกจากนี้ยังมีศูนย์ข้อมูลแพนด้ายักษ์ของมาเก๊าและร้านของที่ระลึกน่ารักๆ ตั้งอยู่ภายในอุทยานด้วย มีห้องวิดีโอมัลติฟังก์ชั่นและพื้นที่จัดกิจกรรมและนิทรรศการเพื่อให้ข้อมูลความรู้เกี่ยวกับหมีแพนด้ายักษ์ เป็นอีกสถานที่ท่องเที่ยวที่เหมาะสำหรับทั้งเด็กและผู้ใหญ่เลยค่ะ
ในการเข้าชมหมีแพนด้าจะเปิดให้เข้าชมเป็นรอบๆ รอบละ 1 ชั่วโมง ในช่วงเวลา 10.00 – 13.00 น. และ 14.00 – 17.00 น. (ปิดวันจันทร์)
ป้อมปราการเกีย เป็นป้อมปราการเก่าแก่ที่ตั้งอยู่บนจุดที่สูงที่สุดของมาเก๊าค่ะ ทำให้มองเห็นวิวได้ทั่วทั้งเมือง ท้องทะเล ไปจนถึงประเทศจีนนู่นนน เป็นมุมมองที่ไม่เคยได้สัมผัสที่ไหนมาก่อน มันก็จะฟินๆ หน่อย *0* จัดว่าเป็นสถานที่ชมวิวมุมสูงของเมืองมาเก๊าที่สวยงามที่สุด! สามารถนั่งกระเช้าขึ้นมาหรือจะเดินเท้าแบบคนสตรองก็ย่อมได้ค่า
ป้อมปราการเกียสร้างขึ้นมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1622 โดยชาวโปรตุเกสอีกเช่นเคยค่ะ ใกล้ๆ มีหนึ่งในประภาคารที่เก่าแก่ที่สุดในบริเวณชายฝั่งของจีน สูงถึง 91 เมตร เพื่อเป็นจุดนำทางในการเดินเรือ ส่องแสงสว่างนำทางได้ไกลถึง 20 ไมล์ เตือนภัยจากสภาพอากาศ และใช้สำหรับเฝ้าระวังข้าศึก นอกจากนี้ก็จะมีสมอเรือ มีปืนใหญ่ตั้งตระหง่านกันอยู่เพียบ เดินถ่ายรูปชมวิวกันให้อิ่มจุกันไปเลยจ้า
บริเวณฐานของป้อมปราการเกีย เป็นพิพิธภัณฑ์ย่อมๆ ที่แสดงเรื่องราวความเป็นมาในอดีตได้เป็นอย่างดี เป็นที่เก็บรักษารวบรวมและจัดแสดงเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ซึ่งมีคุณค่ามานานหลายศตวรรษ มีห้องสำหรับเก็บอุปกรณ์ ที่กักเก็บน้ำมัน มีที่เก็บอุปกรณ์เตือนพายุโบราณและยังใช้จนถึงทุกวันนี้ และห้องพักของเหล่าทหารในสมัยก่อน สามารถเดินเข้าไปเยี่ยมชมได้ค่ะ
ปัจจุบันป้อมปราการเกียจึงกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ของมาเก๊า และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมจากองค์กรยูเนสโก ในปี ค.ศ. 2015 อีกด้วยค่า