เวลาทำการ

จันทร์-ศุกร์ :

09.00 - 18.00 น.

เราช่วยคุณได้

@travelland

Travel License : 11/05931

หน้าแรก

/

บทความท่องเที่ยว

/

เกร็ดน่ารู้เกี่ยวกับประเทศญี่ปุ่น

เกร็ดน่ารู้เกี่ยวกับประเทศญี่ปุ่น

11

Mar

ญี่ปุ่น

เกร็ดน่ารู้เกี่ยวกับประเทศญี่ปุ่น

             ประเทศญี่ปุ่น หรือ เจ้าของฉายา “ดินแดนแห่งพระอาทิตย์อุทัย” เป็นหนึ่งในประเทศยอดฮิตที่คนไทยมักจะไปเที่ยวพักผ่อนและดื่มด่ำกับวัฒนธรรมเก่าแก่ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่าเกือบ 3,000 ปี “ญี่ปุ่น” เป็นคำภาษาจีนที่คนไทยหยิบยืมมาใช้ สำหรับชาวญี่ปุ่นเองมักนิยมเรียกประเทศของตนเองว่า “นิปปอน” หรือ “นิฮอน” เสียมากกว่า

ลักษณะภูมิประเทศ

              ประเทศญี่ปุ่นมีลักษณะภูมิประเทศเป็นหมู่เกาะ ซึ่งประกอบด้วยเกาะต่าง ๆ กว่า 6,800 เกาะ แบ่งเป็นเกาะหลัก 4 เกาะ นั่นคือ ฮอกไกโด ฮอนชู ชิโกกุ และ คิวชู เกาะที่มีขนาดใหญ่สุดคือเกาะฮอนชู ซึ่งสามารถแบ่งออกได้เป็น 5 ภูมิภาคเรียงจากเหนือสุดลงมา คือ โทโฮะกุ คันโต จูบุ คิงคิ และจูโงกุ มีจังหวัดทั้งหมด 47 จังหวัด แบ่งเป็นเมืองต่าง ๆ กว่า 650 เมือง และในปัจจุบันเมืองหลวงของประเทศญี่ปุ่นคือ “กรุงโตเกียว”

               สภาพภูมิอากาศ ญี่ปุ่นมีภูมิอากาศแบบเขตอบอุ่นและมีทั้งหมด 4 ฤดูกาล ได้แก่ ฤดูใบไม้ผลิ ฤดูร้อน ฤดูใบไม้ร่วง และ ฤดูหนาว แต่ละฤดูจะกินระยะเวลาประมาณ 3 เดือน โดยช่วงเดือนธันวาคมถึงกุมภาพันธ์จะเป็นฤดูหนาว มีนาคมถึงพฤษภาคมจะเป็นฤดูใบไม้ผลิ มิถุนายนถึงสิงหาคมเป็นฤดูร้อน และ กันยายนถึงพฤศจิกายนจะเป็นฤดูใบไม้ร่วง โดยช่วงที่ฝนตกหนักจะอยู่ในช่วงฤดูร้อน คือ ตั้งแต่ระหว่างเดือนมิถุนายนไปจนถึงกลางเดือนกรกฎาคม และจะมีพายุไต้ฝุ่นเข้าบ่อยในช่วงเดือนสิงหาคมถึงเดือนกันยายน ดังนั้นช่วงเดือนมิถุนายนไปจนถึงเดือนกันยายนจึงเป็นช่วงที่คนไม่ค่อยนิยมไปท่องเที่ยวกันเท่าไหร่นัก 

การแต่งกาย

            ในปัจจุบัน ชาวญี่ปุ่นมักแต่งกายด้วยเสื้อผ้าสไตล์ตะวันตก แต่ก็ยังมีบางคนที่แต่งกายด้วยเสื้อผ้าแบบญี่ปุ่นอย่าง ชุดกิโมโนหรือชุดฮากามะอยู่ เช่น พระสงฆ์ และผู้ที่ทำอาชีพเกี่ยวข้องกับวัฒนธรรมญี่ปุ่น เป็นต้น 


              สำหรับนักท่องเที่ยวสามารถแต่งกายด้วยเสื้อผ้าสไตล์ตะวันตกตามปกติได้เลยอาจจะเลือกใส่เป็นเสื้อผ้าที่เรียบร้อย มิดชิด เพื่อให้เหมาะสมกับการเดินทางไปศาสนสถาน อย่างไรก็ตามโดยส่วนมากนักท่องเที่ยวมักนิยมไปเที่ยวประเทศญี่ปุ่นในช่วงฤดูหนาว ฤดูใบไม้ผลิและฤดูใบไม้ร่วงเพื่อไปชมทิวทัศน์ที่งดงาม ไม่ว่าจะเป็นวิวของดอกซากุระบานสะพรั่ง ภาพสีสันของใบไม้เปลี่ยนสี หรือวิวของภูเขาไฟฟูจิที่ปกคลุมไปด้วยหิมะสีขาว  แต่ทั้งสามฤดูนี้จะมีอากาศที่ค่อนข้างหนาวเย็นสำหรับคนไทย จึงอยากแนะนำให้เตรียมเสื้อผ้าอุ่น ๆ ไปใส่ ไม่ว่าจะเป็นเสื้อโค้ท เสื้อขนเป็ด ผ้าพันคอ ถุงมือ หมวกไหมพรม กางเกงบุขน กางเกงเลกกิ้ง และเสื้อผ้าฮีทเทค เป็นต้น เพื่อจะได้ไม่ป่วยและสนุกสนานตลอดการท่องเที่ยวที่ญี่ปุ่นได้อย่างเต็มที่

สถานที่ท่องเที่ยว

             ประเทศญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจมากมายเพราะเต็มไปด้วยธรรมชาติที่งดงาม เป็นชนชั้นนำของโลกในด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยี อีกทั้งยังเต็มไปด้วยประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมที่น่าสนใจ สถานที่ท่องเที่ยวที่โดดเด่นของญี่ปุ่นมีหลายที่ด้วยกัน แต่ที่จะไม่พูดถึงไม่ได้คือเหล่าสถานที่ที่เป็นสัญลักษณ์ของประเทศญี่ปุ่น ดังนี้

สัญลักษณ์ของประเทศญี่ปุ่น

·        ภูเขาไฟฟูจิ


        สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมอันดับหนึ่งของญี่ปุ่นที่ไม่ว่าใครก็อยากจะไปเห็นด้วยตาสักครั้ง คงหนีไม่พ้น ภูเขาไฟฟูจิ ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นสัญลักษณ์ของประเทศญี่ปุ่นที่ใคร ๆ ก็รู้จัก ภูเขาไฟฟูจิเป็นภูเขาที่สูงที่สุดและงดงามที่สุดแห่งหนึ่งในญี่ปุ่น ด้วยความสูง 3,776 เมตร จึงเป็นภูเขาไฟที่มองเห็นได้จากหลาย ๆ จังหวัดของประเทศญี่ปุ่น สำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการเห็นความงดงามของภูเขาไฟฟูจิชัด ๆ มักจะเดินทางไปจังหวัดยามานาชิและจังหวัดชิซูโอกะ เพราะภูเขาไฟฟูจิตั้งอยู่ระหว่างสองจังหวัดนี้นั่นเอง บริเวณที่นิยมไปกัน ได้แก่ หมู่บ้านโอชิโนะฮักไก ทะเลสาบคาวากุจิโกะ และ ทะเลสาบทานุกิ เป็นต้น


·        โตเกียวทาวเวอร์


        หอคอยสื่อสารขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ในเขตมินาโตะเมืองโตเกียว เป็นเอกลักษณ์ด้วยสีแดงอันโดดเด่น เป็นจุดชมวิวยอดฮิตในเมืองโตเกียว ปัจจุบันเป็นหอคอยที่สูงเป็นอันดับที่สองของญี่ปุ่นรองจากโตเกียวสกายทรี ด้วยความสูงกว่า 333 เมตร ทำให้เห็นรอบ ๆ เมืองโตเกียวได้อย่างง่ายดาย เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่มักปรากฏอยู่ในภาพยนตร์ ซีรีส์ อนิเมะ และมังงะมากมาย ยกตัวอย่างเช่น ในภาพยนตร์เรื่อง Godzilla หอคอยสีแดง ๆ ที่ถูกเจ้าก็อดซิลล่าพังลงนั่นก็คือโตเกียวทาวเวอร์นั่นเอง เชื่อว่าสายภาพยนตร์จะต้องคุ้น ๆ กับหอคอยสีแดงนี้อย่างแน่นอน


·        เสาโทริอิสีแดงที่ศาลเจ้าอิสึคุชิมะ


        นอกจากภูเขาไฟฟูจิแล้วปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเมื่อเห็น เสาโทริอิสีแดง ใคร ๆ ก็ต่างนึกถึงประเทศญี่ปุ่นทันที และเสาโทริอิที่มีชื่อเสียงมากที่สุดคงหนีไม่พ้นเสาโทริอิสีแดงที่ตั้งอยู่กลางน้ำที่ ศาลเจ้าอิสึคุชิมะ บนเกาะมิยาจิมะในจังหวัดฮิโรชิมะ เสาโทริอิสีแดงนี้เรียกว่า โอโทริอิ ได้ถูกจัดให้เป็นมรดกโลกและสมบัติแห่งชาติของญี่ปุ่น และคนญี่ปุ่นยังมีความเชื่อว่าเสาโทริอิสีแดงนี้คือประตูที่เชื่อมระหว่างโลกมนุษย์และโลกวิญญาณ โอโทริอินี้สร้างขึ้นในปีค.ศ.1875 มีความสูงถึง 16 เมตร ใช้เทคนิคค้ำด้วยเสาสี่ต้น ที่สำคัญคือตัวเสาเหล่านี้ไม่ได้ตอกลงกับพื้น แต่เพียงแค่ตั้งเอาไว้เฉย ๆ เพียงเท่านั้น ด้วยขนาดที่ใหญ่กว่าเสาโทริอิอื่นและเทคนิคการวางที่ไม่เหมือนใคร โอโทริอิจึงเป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่เป็นเอกลักษณ์ของประเทศญี่ปุ่นนั่นเอง

ศาสนสถานสำคัญของประเทศ

              ชาวญี่ปุ่นมีหลากหลายความเชื่อ มีทั้งคนที่นับถือพุทธศาสนา คริสต์ศาสนา และศาสนาดั้งเดิมของชาวญี่ปุ่นอย่างศาสนาชินโต ทำให้ทั่วประเทศญี่ปุ่นเต็มไปด้วยศาสนสถานที่สำคัญมากมาย แต่ในวันนี้จะขอยกตัวอย่างศาสนสถานในศาสนาพุทธที่ใกล้เคียงกับคนไทยมากที่สุด นั่นคือ วัดในศาสนาพุทธนิกายมหายาน ยกตัวอย่างเช่น


·        พระใหญ่แห่งวัดโคโตคุอิน


            หากนึกถึงพระพุทธรูปเด่น ๆ ของญี่ปุ่นหลายคนคงนึกถึง พระใหญ่แห่งวัดโคโตคุอิน ในจังหวัดคามาคุระ เป็นพระพุทธรูปหล่อจากสำริดและทองแดง มีความสูง 13.35 เมตร น้ำหนัก 95 กิโลกรัม ซึ่งมีขนาดใหญ่เป็นอันดับสองของญี่ปุ่นรองจากพระใหญ่แห่งวัดโทไดจิในจังหวัดนารา เป็นสัญลักษณ์สำคัญของจังหวัดคามาคุระ และเป็นที่ยึดเหนี่ยวทางจิตใจที่สำคัญทั้งของชาวญี่ปุ่นและชาวไทย นับเป็นมรดกสำคัญของประเทศญี่ปุ่นที่โด่งดังด้วยสีขององค์พระพุทธรูปที่เป็นสีเขียวจากการเกิดปฏิกิริยาทางเคมีของโลหะที่สะสมมาหลายร้อยปี หากใครต้องการสัมผัสวิถีชาวพุทธนิกายมหายานแบบคนญี่ปุ่น ก็ขอแนะนำให้แวะไปสักการะสักครั้งหนึ่ง


·        วัดเซนโซจิ (วัดอาซากุสะ)


           วัดเซนโซจิ หรือที่คนไทยรู้จักกันดีในชื่อว่า วัดอาซากุสะ เป็นหนึ่งในแลนด์มาร์กฮิตในกรุงโตเกียวที่สะท้อนให้เห็นถึงวิถีชาวพุทธนิกายมหายานของชาวเอโดะที่ยังหลงเหลืออยู่ถึงปัจจุบัน บางคนก็จะเรียกวัดนี้ว่า วัดโคมแดง เพราะที่นี่มีเอกลักษณ์คือ โคมแดงอันใหญ่กว่า 3 เมตรที่แขวนไว้ตรงซุ้มประตูทางเข้า ที่นี่เป็นที่ประดิษฐานของเจ้าแม่กวนอิมที่มีเรื่องเล่ากันว่าถูกพบในแม่น้ำซูมิดะโดยสองพี่น้องชาวประมงในปี ค.ศ.628 เป็นอีกหนึ่งศาสนสถานที่เก่าแก่และเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของชาวญี่ปุ่นตั้งแต่อดีตมาจนถึงปัจจุบัน     

แหล่งการค้ายอดนิยม

                ในญี่ปุ่นมีหลากหลายย่านการค้าที่เหล่านักช้อปชอบไปกัน ซึ่งส่วนมากตามหัวเมืองใหญ่ ๆ มักมีย่านการค้าอยู่หลายแห่ง แต่ที่ชาวไทยชอบไปกันคงหนีไม่พ้นแหล่งการค้าเหล่านี้


·        ย่านชิบูยะ


               ย่านชิบูยะที่ตั้งอยู่ในเมืองโตเกียวนับเป็นอีกแหล่งเศรษฐกิจที่สำคัญของญี่ปุ่นและเป็นย่านช้อปปิ้งยอดฮิตของเหล่านักท่องเที่ยวจากทุกมุมโลกเพราะเต็มไปด้วยร้านค้าสินค้าแบรนด์เนมมากมาย และยังเป็นเพราะย่านชิบูยะนี้มีอีกที่ที่พลาดไม่ได้ นั่นคือ ห้าแยกชิบูยะ ทางข้ามม้าลายยักษ์ที่เป็นที่โด่งดังไปทั่วโลก ปรากฏอยู่ในภาพยนตร์ และซีรีส์ดังมากมาย ในบางช่วงเวลามีผู้คนเดินข้ามห้าแยกนี้พร้อม ๆ กันกว่า 3,000 คน แต่แม้ว่าจะมีผู้คนคับคั่งแค่ไหน ห้าแยกชิบูยะนี้ก็เป็นทางม้าลายที่ใคร ๆ ก็อยากจะลองเดินข้ามกันเนื่องจากเป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์กสำคัญของประเทศญี่ปุ่น จึงเป็นสาเหตุที่ย่านชิบูยะนี้มักจะหนาแน่นไปด้วยผู้คน


·        ย่านชินไซบาชิ


               ย่านชินไซบาชิตั้งอยู่ในเมืองโอซาก้า เป็นแหล่งช้อปปิ้งที่หากแวะไปเที่ยวภูมิภาคคันไซยังไงก็ต้องแวะไปกัน ถนนการค้ายอดฮิตนี้มีความยาวกว่า 600 เมตร ซึ่งเรียงรายไปด้วยร้านค้ามากมาย ทั้งร้านค้าแบรนด์ญี่ปุ่น แบรนด์ต่างชาติ และ สินค้าแบรนด์เนมชื่อดัง อีกทั้งยังมีร้านอาหารอร่อย ๆ ตลอดทั้งเส้น ทำให้เป็นย่านการค้าที่คึกคักอยู่ตลอดทั้งวัน และที่สำคัญย่านชินไซบาชินี้คือที่ตั้งของแลนด์มาร์กสำคัญอย่างป้ายไฟกูลิโกะ (Glico Running Man) ที่ไม่ว่าใครก็อยากจะแวะมาเช็คอินและถ่ายภาพไปลงในโซเชียลมีเดีย


             ประเทศญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีวัฒนธรรม และ สถานที่ที่สวยงามมากมายจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่มักถูกจัดให้เป็นหนึ่งในจุดหมายที่นักท่องเที่ยวจากทั่วโลกอยากเดินทางมาสัมผัสบรรยากาศและพักผ่อนหย่อนใจกันสักครั้งในชีวิต


 

จำนวนผู้เข้าชม 53 ครั้ง